นักการเมืองฝ่ายอนุรักษนิยมของญี่ปุ่นดูถูกหญิงไทย
- akiyamabkk
- 2024年11月13日
- 読了時間: 1分
คำพูดดูถูกของ Naoki HYAKUTA สามารถดูได้ที่ YouTube ในช่วงประมาณนาทีที่ 25:25 และในวิดีโอที่ตัดมาจะอยู่ในช่วงประมาณ 01:14
YouTube 18 สิงหาคม 2023 "อาสะฮาจิ"
"ผู้หญิงในกรุงเทพฯ ประมาณหนึ่งในไม่กี่คนทำงานเป็นโสเภณี"
คำกล่าวนี้เป็นเท็จชัดเจนและเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างยิ่ง เมื่อปีที่แล้ว คณะทำงานของสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้เข้ามาศึกษาสถานการณ์ "ธุรกิจระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชน" ในญี่ปุ่น และดูเหมือนว่า Hyakuta ไม่พอใจที่มีชาวไทยอยู่ในคณะกรรมการด้วย เขาอาจต้องการสื่อว่าประเทศญี่ปุ่นไม่ควรถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยประเทศที่มีผู้หญิงขายบริการมากมายเช่นนี้
เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจว่าทำไมประเด็นเกี่ยวกับ "ประเทศแห่งการค้าประเวณี" จึงถูกกล่าวถึงในการอภิปรายเรื่อง "ธุรกิจระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชน" นักเขียนหญิงที่ร่วมรายการยังได้พูดถึงเหตุการณ์ที่ "ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ" เคยกล่าวในงานแถลงข่าวหลังจากการเยือนญี่ปุ่นว่า "นักเรียนหญิงชาวญี่ปุ่นถึง 13% เคยมีประสบการณ์ในการรับเงินช่วยเหลือเพื่อแลกกับการมีความสัมพันธ์" และกลายเป็นเรื่องใหญ่ในขณะนั้น ซึ่งต่อมาคำพูดดังกล่าวได้ถูกถอนหลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นประท้วง อาจเป็นไปได้ว่านี่เป็นเรื่องที่ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของ Hyakuta
หากมองอย่างเป็นธรรม ถ้าประเทศไทยเป็นประเทศดังในด้านการค้าประเวณี ญี่ปุ่นก็คงจะต้องอยู่ในกลุ่มเดียวกันเช่นกัน ในช่วงที่เงินเยนอ่อนค่า ชาวเอเชียที่เข้ามาใช้บริการในอุตสาหกรรมเซ็กส์ของญี่ปุ่นก็มีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้สถานการณ์ของอุตสาหกรรมนี้ในญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น วิดีโอโป๊ของญี่ปุ่นหรือ AV ก็ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย ถึงขนาดที่หนังสือพิมพ์ทั่วไปลงข่าวเกี่ยวกับนางเอก AV อยู่เป็นประจำ เรื่องนี้ทำให้ญี่ปุ่นไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทยจากมุมมองที่เหนือกว่า
ที่สำคัญที่สุด ผู้เชี่ยวชาญชาวไทยที่มาในฐานะสมาชิกของสหประชาชาติ ไม่ได้มาเป็นตัวแทนของประเทศตนเอง แต่เป็นผู้แทนของสหประชาชาติ ซึ่งได้มีการไปเยือนญี่ปุ่นเพื่อรวบรวมข้อมูล และได้ออกคำแนะนำหลายประการแก่ประเทศไทยด้วย สหประชาชาติไม่ได้เป็นองค์กรที่ไร้ข้อบกพร่องหรือยุติธรรมเสมอไป และการวิพากษ์เนื้อหารายงานก็เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่การที่ยกสถานการณ์ภายในของประเทศอื่นมาโจมตีพลเมืองของประเทศนั้นว่า 'คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดถึงประเด็นระหว่างประเทศ' นั้น เป็นการแสดงความเลือกปฏิบัติต่อเอเชีย ทั้งๆ ที่เขาเองก็เป็นคนเอเชีย
หัวหน้าพรรคการเมืองนี้กล่าวในเชิงว่า "ปรับปรุงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศตัวเองให้ดีเสียก่อนแล้วค่อยมาแนะนำญี่ปุ่น" อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชาวเอเชียที่ออกไปทำการสำรวจในต่างประเทศเช่นนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการจัดการปัญหาภายในประเทศด้วยจริง ๆ อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ได้จัดทำ "แผนปฏิบัติการ" สำหรับปัญหา "ธุรกิจระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชน" ซึ่งเป็นหัวข้อของการเยือนครั้งนี้
น่าอายจริง ๆ ที่คนแบบนี้พูดเรื่องเช่นนี้ออกมา
จบ
